Edge สำหรับ Private Cloud เวอร์ชัน 4.19.01
ส่วนนี้ครอบคลุมการดำเนินการดูแลระบบต่างๆ เช่น การสร้าง การจัดการ และการนำองค์กร สภาพแวดล้อม และโฮสต์เสมือนของ Apigee ออกจากการติดตั้ง Apigee Edge สำหรับ Private Cloud
สำหรับข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับองค์กร สภาพแวดล้อม และโฮสต์เสมือน โปรดดูเกี่ยวกับดาวเคราะห์ ภูมิภาค พ็อด องค์กร สภาพแวดล้อม และโฮสต์เสมือน
การตรวจสอบสถานะผู้ใช้ องค์กร และสภาพแวดล้อม
เซิร์ฟเวอร์การจัดการมีบทบาทสำคัญในการรวมคอมโพเนนต์อื่นๆ ทั้งหมดไว้ด้วยกันในการติดตั้ง Edge Private Cloud ภายในองค์กร คุณจะตรวจสอบสถานะผู้ใช้ องค์กร และการทำให้ใช้งานได้ในเซิร์ฟเวอร์การจัดการได้ด้วยการออกคำสั่ง curl
ต่อไปนี้
curl -u adminEmail:admin_passwd http://localhost:8080/v1/userscurl -u adminEmail:admin_passwd http://localhost:8080/v1/organizations
curl -u adminEmail;:admin_passwd http://localhost:8080/v1/organizations/orgname/deployments
ระบบจะแสดงสถานะ HTTP 200 สำหรับการเรียกทั้งหมด หากล้มเหลว ให้ดำเนินการดังนี้
- ตรวจสอบบันทึกเซิร์ฟเวอร์การจัดการที่
/opt/apigee/var/log/apigee/management-server
เพื่อหาข้อผิดพลาด - โปรดเรียกเซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่อตรวจสอบว่าเซิร์ฟเวอร์ทำงานอย่างถูกต้อง
- นำเซิร์ฟเวอร์ออกจาก ELB แล้วรีสตาร์ทเซิร์ฟเวอร์การจัดการโดยทำดังนี้
/opt/apigee/bin/apigee-service management-server restart
เกี่ยวกับการใช้ไฟล์การกำหนดค่า
คำสั่งที่แสดงด้านล่างจะใช้ไฟล์การกำหนดค่าเป็นอินพุต ตัวอย่างเช่น คุณส่งไฟล์การกำหนดค่าไปยังคำสั่ง Setup-org เพื่อกำหนดพร็อพเพอร์ตี้ทั้งหมดขององค์กร รวมถึงสภาพแวดล้อมและโฮสต์เสมือน
โปรดดูไฟล์การกำหนดค่าที่สมบูรณ์และข้อมูลเกี่ยวกับพร็อพเพอร์ตี้ที่ตั้งค่าได้ในไฟล์การกำหนดค่าที่หัวข้อเริ่มต้นใช้งานองค์กร
เกี่ยวกับการตั้งค่าโฮสต์เสมือน
โฮสต์เสมือนบน Edge จะกำหนดโดเมนและพอร์ต Edge Router ที่มีการแสดงพร็อกซี API รวมถึง URL ที่แอปใช้เพื่อเข้าถึงพร็อกซี API ตามนามสกุล โฮสต์เสมือนยังกำหนดด้วยว่าจะเข้าถึงพร็อกซี API โดยใช้โปรโตคอล HTTP หรือโดยโปรโตคอล HTTPS ที่เข้ารหัส
ใช้สคริปต์และการเรียก API ที่แสดงด้านล่างเพื่อสร้างโฮสต์เสมือน เมื่อสร้างโฮสต์เสมือน คุณต้องระบุข้อมูลต่อไปนี้
- ชื่อของโฮสต์เสมือนที่คุณใช้เพื่ออ้างอิงในพร็อกซี API
- พอร์ตบนเราเตอร์สำหรับโฮสต์เสมือน โดยปกติแล้วพอร์ตเหล่านี้จะเริ่มต้นที่ 9001 และเพิ่มขึ้นทีละ 1 พอร์ตสำหรับแต่ละโฮสต์เสมือนใหม่
- ชื่อแทนโฮสต์ของโฮสต์เสมือน โดยทั่วไปจะเป็นชื่อ DNS ของโฮสต์เสมือน
Edge Router จะเปรียบเทียบส่วนหัวของโฮสต์ของคำขอขาเข้ากับรายการชื่อแทนโฮสต์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดพร็อกซี API ที่จัดการคำขอ เมื่อส่งคำขอผ่านโฮสต์เสมือน ให้ระบุชื่อโดเมนที่ตรงกับชื่อแทนโฮสต์ของโฮสต์เสมือน หรือระบุที่อยู่ IP ของเราเตอร์และส่วนหัวของโฮสต์ที่มีชื่อแทนโฮสต์
เช่น หากสร้างโฮสต์เสมือนที่มีชื่อแทนโฮสต์เป็น myapis.apigee.net ในพอร์ต 9001 ให้ดำเนินการตามคำขอ curl
ไปยัง API ผ่านโฮสต์เสมือนนั้นโดยใช้รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งต่อไปนี้
- หากมีรายการ DNS สำหรับ myapis.apigee.net ให้ทำดังนี้
curl http://myapis.apigee.net:9001/proxy-base-path/resource-path
- หากไม่มีรายการ DNS สำหรับ myapis.apigee.net ให้ทำดังนี้
curl http://routerIP:9001/proxy-base-path/resource-path -H 'Host: myapis.apigee.net'
ในรูปแบบที่ 2 คุณจะระบุที่อยู่ IP ของเราเตอร์ และส่งชื่อแทนโฮสต์ในส่วนหัวของโฮสต์
ตัวเลือกเมื่อคุณไม่มีรายการ DNS สำหรับโฮสต์เสมือน
ทางเลือกหนึ่งเมื่อไม่มีรายการ DNS คือการตั้งค่าชื่อแทนโฮสต์เป็นที่อยู่ IP ของเราเตอร์และพอร์ตของโฮสต์เสมือนเป็น routerIP:port เช่น
192.168.1.31:9001
จากนั้นให้สร้างคำสั่ง curl
ในแบบฟอร์มด้านล่าง
curl http://routerIP:9001/proxy-base-path/resource-path
แนะนำให้ใช้ตัวเลือกนี้เนื่องจากใช้งานได้ดีกับ Edge UI
หากคุณมีเราเตอร์หลายรายการ ให้เพิ่มชื่อแทนโฮสต์สำหรับเราเตอร์แต่ละตัว ระบุที่อยู่ IP ของเราเตอร์แต่ละรายการและพอร์ตของโฮสต์เสมือน
อีกทางเลือกหนึ่งคือ คุณสามารถตั้งค่าชื่อแทนโฮสต์เป็นค่า เช่น temp.hostalias.com จากนั้นคุณต้องส่งส่วนหัว Host
ในทุกคำขอ โดยทำดังนี้
curl -v http://routerIP:9001/proxy-base-path/resource-path -H 'Host: temp.hostalias.com'
หรือเพิ่มชื่อแทนโฮสต์ลงในไฟล์ /etc/hosts
เช่น เพิ่มบรรทัดนี้ลงใน /etc/hosts
192.168.1.31 temp.hostalias.com
จากนั้นคุณจะส่งคำขอราวกับว่ามีรายการ DNS หนึ่งอยู่ โดยทำดังนี้
curl -v http://myapis.apigee.net:9001/proxy-base-path/resource-path