คีย์ API

คุณกําลังดูเอกสารประกอบของ Apigee Edge
ไปที่เอกสารประกอบของ Apigee X
info

คีย์ API (เรียกว่าคีย์ผู้บริโภคใน Apigee Edge) คือค่าสตริงที่แอปไคลเอ็นต์ส่งผ่านไปยังพร็อกซี API คีย์จะระบุแอปไคลเอ็นต์อย่างไม่ซ้ำกัน

การตรวจสอบคีย์ API เป็นรูปแบบการรักษาความปลอดภัยที่อิงตามแอปที่ง่ายที่สุดซึ่งคุณกำหนดค่าให้กับ API ได้ แอปไคลเอ็นต์เพียงแค่แสดงคีย์ API กับคำขอ จากนั้น Apigee Edge จะตรวจสอบว่าคีย์ API อยู่ในสถานะที่อนุมัติสำหรับทรัพยากรที่ขอหรือไม่ ภายในองค์กร พร็อกซีจะใช้นโยบายเพื่อยืนยันความถูกต้องของคีย์ API

คุณจะต้องทำการตั้งค่าเล็กน้อยเพื่อรองรับความเรียบง่ายนี้ หากต้องการรองรับคีย์ API คุณจะต้องทําดังนี้

  • สร้างผลิตภัณฑ์ API ของ Apigee Edge ที่รวมพร็อกซี API ที่ต้องการปกป้องโดยใช้คีย์ API
  • สร้างแอปนักพัฒนาแอป Apigee Edge ที่แสดงถึงนักพัฒนาแอปไคลเอ็นต์ซึ่งคุณจะต้องตรวจสอบสิทธิ์แอป

    ในการสร้างแอปของนักพัฒนาแอป คุณต้องระบุผลิตภัณฑ์ API ที่แอปของนักพัฒนาแอปจะมีสิทธิ์เข้าถึง และแอปจะต้องระบุคีย์ API ของผลิตภัณฑ์นั้น

  • เพิ่มนโยบายในพร็อกซี (พร็อกซีที่คุณรวมไว้ในผลิตภัณฑ์ API) เพื่อยืนยันว่าคีย์ API ที่เข้ามานั้นถูกต้อง

บทแนะนำรักษาความปลอดภัยให้ API โดยกำหนดให้ต้องมีคีย์ API เป็นวิธีที่รวดเร็วในการดูวิธีควบคุมการเข้าถึงพร็อกซี API ด้วยคีย์ API

วิธีการทํางานของคีย์ API

ใน Apigee Edge คีย์ API เรียกว่าคีย์ผู้บริโภค เมื่อคุณลงทะเบียนแอปของนักพัฒนาแอป Apigee Edge จะสร้างคีย์และข้อมูลลับของผู้บริโภค Apigee Edge จะจัดเก็บคีย์ผู้บริโภคไว้เพื่อใช้ตรวจสอบในอนาคต คีย์ผู้บริโภคแต่ละรายการจะซ้ำกันในองค์กรไม่ได้ นักพัฒนาแอปฝังคีย์ผู้บริโภคในแอปไคลเอ็นต์ โดยแอปไคลเอ็นต์ต้องแสดงคีย์ผู้บริโภคสำหรับคำขอแต่ละรายการ บริการ API จะยืนยันคีย์ผู้บริโภคก่อนอนุญาตให้คำขอของแอป

ขั้นตอนระดับสูง

ขั้นตอนต่อไปนี้จะอธิบายวิธีใช้คีย์ API โดย Apigee Edge ขั้นตอนเหล่านี้อาจรวมถึงการรักษาความปลอดภัย OAuth ด้วย เนื่องจากมักใช้ร่วมกับคีย์ API

  1. สร้างผลิตภัณฑ์ API ที่มีพร็อกซี API ซึ่งควรได้รับการปกป้องด้วยคีย์ API
  2. คุณลงทะเบียนแอปของนักพัฒนาแอปในองค์กร เมื่อคุณดำเนินการดังกล่าว Apigee Edge จะสร้างคีย์ผู้บริโภคและข้อมูลลับของผู้บริโภค
  3. เชื่อมโยงแอปของนักพัฒนาแอปกับผลิตภัณฑ์ API อย่างน้อย 1 รายการ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงเส้นทางทรัพยากรและพร็อกซี API กับการอนุมัติคีย์
  4. ขณะรันไทม์ เมื่อแอปไคลเอ็นต์ส่งคําขอไปยัง API ของคุณ แอปไคลเอ็นต์จะส่งคีย์ผู้บริโภคเมื่อส่งคําขอ ในทางปฏิบัติ คีย์ผู้ใช้อาจส่งผ่านอย่างชัดแจ้งหรืออาจมีการอ้างอิงโดยนัยผ่านโทเค็น OAuth ดังนี้
    • เมื่อ API ใช้การยืนยันคีย์ API เช่น การใช้นโยบาย VerifyAPIKey แอปไคลเอ็นต์ต้องส่งคีย์ผู้บริโภคอย่างชัดเจน
    • เมื่อ API ใช้การตรวจสอบโทเค็น OAuth เช่น การใช้นโยบาย OAuthV2 แอปไคลเอ็นต์ต้องส่งโทเค็นที่มาจากคีย์ผู้ใช้
  5. API Proxy จะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเข้าสู่ระบบของคำขอผ่านนโยบาย VerifyAPIKey หรือนโยบาย OAuthV2 ที่มีการดำเนินการ VerifyAccessToken หากคุณไม่ได้ระบุนโยบายการบังคับใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบในพร็อกซี API ผู้เรียกใช้ทุกคนจะเรียก API ของคุณได้สําเร็จ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นโยบายการยืนยันคีย์ API

ยืนยันข้อมูลเข้าสู่ระบบของคำขอ

ข้อมูลนี้เป็นภาพรวม โปรดดูรายละเอียดและตัวอย่างโค้ดที่หัวข้อการตั้งค่าการตรวจสอบคีย์ API

  1. หากคุณใช้การยืนยันโทเค็น OAuth แสดงว่าคุณได้ติดตั้งใช้งานนโยบาย OAuth เพื่อยืนยันแล้ว และแอปไคลเอ็นต์ส่งโทเค็น OAuth แล้ว ให้ทำดังนี้
    • Apigee Edge จะยืนยันว่าโทเค็นยังไม่หมดอายุ จากนั้นจะค้นหาคีย์ผู้บริโภคที่ใช้สร้างโทเค็น
  2. หากคุณใช้คีย์ API แสดงว่าคุณได้ติดตั้งใช้งานนโยบาย VerifyAPIKey และแอปไคลเอ็นต์ได้ส่งคีย์ผู้บริโภคแล้ว โดยทำดังนี้
    1. Apigee Edge จะตรวจสอบรายการผลิตภัณฑ์ API ที่เชื่อมโยงกับคีย์ผู้บริโภค
    2. Edge จะตรวจสอบผลิตภัณฑ์ API แต่ละรายการเพื่อดูว่าพร็อกซี API ปัจจุบันรวมอยู่ในผลิตภัณฑ์ API หรือไม่ และเปิดใช้เส้นทางทรัพยากรปัจจุบัน (เส้นทาง URL) ในผลิตภัณฑ์ API หรือไม่
    3. นอกจากนี้ Edge จะตรวจสอบว่าคีย์ผู้บริโภคยังไม่หมดอายุหรือถูกเพิกถอน ตรวจสอบว่าแอปไม่ถูกเพิกถอน และตรวจสอบว่านักพัฒนาแอปไม่ได้หยุดทำงาน
    4. หากข้อมูลทั้งหมดดังกล่าวเป็นจริง นั่นคือ โทเค็นไม่หมดอายุ (หากมี) คีย์ผู้บริโภคถูกต้องและได้รับอนุมัติ แอปได้รับอนุมัติ นักพัฒนาแอปมีการใช้งานอยู่ พร็อกซีพร้อมใช้งานในผลิตภัณฑ์ และทรัพยากรพร้อมใช้งานในผลิตภัณฑ์ การยืนยันข้อมูลเข้าสู่ระบบจะสำเร็จ